วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

ตูน บอดี้สแลม

สร้างความตกอกตกใจให้กับแฟนคลับไม่น้อย เมื่อ "ตูน บอดี้สแลม" เล่นคอนเสิร์ตอยู่ ที่จังหวัด ระนอง แต่ดันเกิดอุบัติเหตุ โดนกีต้าร์ตัวเองกระแทกหน้า จนคิ้วแตก ถึงกับเลือดอาบหน้ากันเลยทีเดียวนะคะ ซึ่ง ตูน ก็โพสต์ภาพคิ้วแตกเลือดไหลเยิ้มลงพร้อมข้อความลงไอจีด้วยว่า "...2เข็มน่ารักๆครับ..."ระนอง"...เซ่อซ่าโดนกีต้าร์ตัวเองกระแทกหน้า...ขอบพระคุณทุกๆกำลังใจและความห่วงใยครับ :)"BaaBinz ก็ขอให้พี่ตูน หายไวนะคะ 





วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

วินาที..รถตู้คอนเทนเนอร์ ชน รถกระเช้าไฟฟ้า | ช่างไฟปลิว'#


วินาที'เบนซ์พุ่งชนท้ายฟอร์ด..เต็มลำ!! #เกิดไฟลุกไหม้ทันที


ภาพจากกล้องหน้ารถ เผยเหตุรถเบนซ์คันหรู ซิ่งเร็วพุ่งชนท้ายรถฟอร์ด 2 นิสิต ป.โท ที่บางปะอิน ก่อนไฟลุกไหม้ท่วมคัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากอุบัติเหตุที่บริเวณทางต่างระดับบางปะอิน ถนนพหลโยธิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา รถเบนซ์คันหรู ขับพุ่งชนท้ายรถฟอร์ด เฟียสต้า อย่างรุนแรง เป็นเหตุทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้รถเก๋งคันเคราะห์ร้าย มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นนิสิตปริญญาโทที่กำลังมีอนาคตก้าวไกล โลกออนไลน์ต่างร่วมไว้อาลัยกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดในโลกโซเชียลมีเดีย มีการแชร์ภาพหลักฐานของพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ในวันและเวลาดังกล่าว (วันและเวลาในกล้องหลักฐานไม่ได้เซ็ตระบบไว้) ภาพจากกล้องติดหน้ารถคันหนึ่งที่ขับตามหลังมาห่างๆ อยู่อีกช่องจราจร เผยให้เห็นวินาทีที่เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว หลักฐานเห็นชัดเจนว่า รถเบนซ์คันหรู ขับมาด้วยความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 120 กม./ชม. ก่อนจะพุ่งชนรถฟอร์ดที่ขับอยู่ช่องจราจรซ้ายสุด มาด้วยความเร็วปกติ
เหตุดังกล่าวทำให้รถฟอร์ดถูกชนกระจุยและเกิดเพลิงลุกไหม้ เศษซากชิ้นส่วนกระเด็นไปทั่วบริเวณ เป็นเหตุทำให้ นายกฤษณะ นิสิตปริญญาโท มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่กำลังเป็นว่าที่มหาบัณฑิต ต้องเสียชีวิตลง พร้อมๆ กับ นางสาวธนฐภัทร์ นิสิตปริญญาโทจากสถาบันเดียวกัน
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน กำลังเดินทางมายังมหาวิทยาลัย นายกฤษณะ เตรียมมาดำเนินการยื่นเรื่องจบการศึกษา ส่วน น.ส.ธนฐภัทร์ เตรียมการไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย แต่ระหว่างทางถูกรถเบนซ์คู่กรณีพุ่งชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถฟอร์ดกระเด็นเสียหลักไปหยุดอยู่กลางช่องทางด่วน ถนนพหลโยธิน เพลิงไหม้ลุกลามไปทั้งคัน
ตามรายงานระบุว่า ประชาชนและพลเมืองดีใกล้เคียง พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุที่ติดอยู่ในซากรถทั้ง 2 คน แต่เพลิงเริ่มลุกไหม้รุนแรงขึ้น ทั้ง 2 คนที่ถูกอัดติดอยู่กับซากรถที่สภาพยับเยิน ทำให้ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือออกมาได้ กลายเป็นภาพน่าสลดใจแก่ผู้ที่พบเห็น
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์สุดสะเทือนใจและเป็นอุทาหรณ์ที่สังคมออนไลน์ให้ความสนใจ เนื่องจากผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนเป็นนิสิตที่กำลังมีอนาคต ต้องมาประสบเหตุจบชีวิตลงเพราะความประมาทของคู่กรณี โดยเฉพาะเรื่องราวของ นายกฤษณะ ว่าที่มหาบัณฑิต ที่ต้องเสียชีวิตลงในวันคล้ายเกิดของเขาเอง

พบรูปปั้นพญานาค ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง

ฮือฮา! พบ “รูปปั้นพญานาค” ริมแม่น้ำโขง จ.นครพนม

ฮือฮา! พบ “รูปปั้นพญานาค” ริมแม่น้ำโขง จ.นครพนม

Spring News
สนับสนุนเนื้อหา
ชาวบ้านอำเภอธาตุพนม จ.นครพนม พบ บริเวณริมฝั่งโขง หลังปริมาณน้ำแห้งขอดจากภัยแล้ง ก่อนต่างพากันมาขอโชคลาภ
วันที่ 15 มี.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน บ้านศรีบุญเรือง ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พบรูปปั้นพญานาค ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง หลังปริมาณน้ำแห้งขอดจากภัยแล้ง จึงนำมาไว้ที่ดอนหอปู่ชาน ซึ่งชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างพากันไปขอโชคลาภ เพราะเชื่อว่า รูปปั้นพญานาค ดังกล่าว จะเป็นรูปปั้นที่ทำขึ้นจากชาวบ้านในอดีต อายุหลาย 10 ปีคาดว่าจะปั้นขึ้นไปถวายองค์พญานาค
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นรูปพญานาคที่ปั้นขึ้นด้วยปูน มีความสูงประมาณ 60 ซม. ลำตัวคดเคี้ยวเป็นฐานกว้าง ประมาณ 60 ซม. มีน้ำหนักประมาณ 15 กก. และมีการตกแต่งลวดลายเป็นเศียรพญานาค ดวงตาทำด้วยลูกแก้ว รวมถึงลำตัวจะเขียนลวดลายด้วยงานฝีมือแบบเก่า ไม่ใช่รูปปั้นที่สร้างขึ้นมาใหม่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ชาวบ้านจะเก็บรักษาไว้ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาชม และขอโชคลาภกันต่อไ

'ดักแด้ไหม'ลดเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ |


'ดักแด้ไหม'ฤทธิ์เท่า'ไวอาก้า' ลดเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ | เดลินิวส์
„'ดักแด้ไหม'ฤทธิ์เท่า'ไวอาก้า' ลดเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นักวิจัย มช. ร่วมกับกรมหม่อนไหม ค้นพบดักแด้ไหมของไทย ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เทียบเท่ายาไวอาก้า ค้นพบครั้งแรกของโลก เชื่อกระตุ้นราคาดักแด้ เตรียมส่งคณะแพทย์ศึกษาต่อยอด วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2559 เวลา 18:42 น. เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ผศ.ดร.สมชาย จอมดวง หัวหน้าสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ดักแด้ไหมเป็นผลพลอยได้จากการเลี้ยงไหมเพื่อผลิตรัง ซึ่งได้มีการศึกษาความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของดักแด้ไหมไว้บางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ครอบคลุมพันธุ์ไหมไทยที่กรมหม่อนไหมส่งเสริมให้เลี้ยง ดังนั้นทางสาขาวิชาฯ จึงได้ร่วมกับทางกรมหม่อนไหม ทำการศึกษาเพิ่มเติมถึงคุณสมบัติต่างๆ เพราะต้องการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหม่อนไหม เนื่องจากที่ผ่านมาผู้เลี้ยงหม่อนไหมเริ่มลดจำนวนลงเพราะการจำหน่ายไหมนั้นได้ราคาไม่มาก และตัวดักแด้ก็ถูกนำไปขายในราคาถูกหรือให้กันฟรีๆ ด้วยแนวคิดดังกล่าว จึงได้ร่วมกับ นายวิโรจน์ แก้วเรือง นักวิชาการกรมหม่อนไหม นายนคร มหายศนันท์ นักวิชาการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯเชียงใหม่ นางเสาวณีย์ อภิญญานุวัฒน์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา นางสาวจุฑารัตน์ จามกระโทก จากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯนครราชสีมา และนางสาวเดือนเพ็ญ วังเมา นักศึกษาป.โท คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มศึกษาคุณสมบัติอื่นๆ ว่าตัวดักแด้ไหมของไทยที่มีอยู่ถึง 7 สายพันธุ์นั้น มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไรและสายพันธุ์ไหนดีที่สุด ผศ.ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า เมื่อทำการวิเคราะห์ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระด้วยกันทั้งหมด 3 วิธี พบว่า พันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์มีความสามารถในการต้านอนุมูลสูงสุดใกล้เคียงกัน และถือว่าสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ด้วย จึงเห็นได้ว่าพันธุ์ไหมที่น่าสนใจในการนำไปศึกษาการออกฤทธิ์ทางชีวภาพและการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้แก่ พันธุ์เหลืองสุรินทร์ และ พันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ-1 ระยะดักแด้ไหม และที่สำคัญเมื่อนำผลจากการศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ไปตรวจสอบแล้ว นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ประสาทและสารที่ออกฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเรียนรู้ ความจำป้องกันภาวะความจำบกพร่องที่เกิดจากโรคสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์และลดอันตรายจากการทำลายสมองเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง แล้วในดักแด้ไหมมีฤทธิ์ลดสภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่เหนี่ยวนำด้วยแอลกอฮอล์ โดยส่งผลเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ไนตริกออกไซด์ซินเธสซึ่งทำหน้าที่สร้างสารไนตริกออกไซด์ เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้เพิ่มการแข็งตัวของอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ได้เหมือนกับยาไวอาก้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ตลอดจนลดการเกิดหลอดเลือดตีบ "ส่วนเรื่องที่ว่าจะนำไปรับประทานอย่างไรนั้น หากผู้ที่ได้ดักแด้สดมาก็อาจจะนำไปต้ม หรือ ทอด ก็แล้วแต่ โดยผลการวิเคราะห์หากเป็นดักแด้สด 22 ตัว จะมีความสามารถเท่ากับยาไวอาก้า 100 กรัม แต่การรับประทานสดจะเสี่ยง เนื่องจากตัวดักแด้อาจจะไม่สะอาดและอาจมีเชื้อโรคได้ ส่วนผู้ที่เป็นโรคอื่นๆ สามารถทานได้หรือไม่นั้น คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะดักแด้ไหม ก็เหมือนกับแมลงทอดทั่วไปไม่ได้ส่งผลอะไรในด้านอื่น เพราะถือเป็นอาหารชนิดหนึ่งอยู่แล้ว และเมื่อนำไปทำอาหารอาจจะทำให้สารดังกล่าวลดลงไปบ้าง อย่างกรณีทางด้านการศึกษาก็ได้นำไปทำเป็นผงชนิดพิเศษแล้วใส่ในแคปซูล ก็พบว่า มีสารแบบเดียวกับยาไวอาก้าถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่หากนำไปทอดหรือต้มก็ต้องศึกษากันอีกครั้งว่า จะมีผลลัพธ์ออกมาได้เท่าไหร่ ซึ่งในอนาคตจะสามารถช่วยกระตุ้นราคาของตัวดักแด้ไหมให้มีราคาสูงขึ้นได้รวมถึงอาจจะให้ทางคณะแพทย์นำไปต่อยอดเรื่องของการรักษาโรคอื่นๆ ในอนาคต.. ความคิดเห็น“

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

SCB PARK




ศูนย์เอราวัณเผยคนเจ็บเอสซีบี 7 ราย ยังไม่พ้นวิกฤติ

ศูนย์เอราวัณเผยคนเจ็บเอสซีบี 7 ราย ยังไม่พ้นวิกฤติ

INN News
สนับสนุนเนื้อหา
ศูนย์เอราวัณ รายงานอาการล่าสุด ผู้ป่วยจากเหตุขาดอากาศ ตึกเอสซีบี ปาร์ค 7 ราย ยังไม่พ้นวิกฤติ เฝ้าดูอาการ 24 ชม. หวั่นมีโรคแทรกซ้อน
นพ.พรเทพ แซ่เฮ้ง หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ ศูนย์เอราวัณ กทม. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จากเหตุคนงานเข้าไปทำงานในห้องนิรภัย ที่อาคารเอสซีบี ปาร์ค และขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตถึง 8 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 7 ราย นั้น
ล่าสุด อาการของผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับรายงานว่า ยังคงวิกฤติอยู่ โดยยังอยู่รักษาตัวในห้องไอซียู 4 คน และพักรักษาตัวห้องปกติ 3 คน แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะพ้นขีดอันตรายเสียทีเดียว เนื่องจากแพทย์ยังเป็นห่วงเรื่องโรคหรืออาการที่อาจจะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น จึงเฝ้าระวังและดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง ไปก่อน

เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่
https://www.google.co.th/trends/

ดับเพลิงอัตโนมัติ SCB Park ทำงาน คนขาดอากาศตาย 10

INN News
สนับสนุนเนื้อหา

เกิดเหตุระบบดับเพลิงตึกSCB ทำงานอัตโนมัติ คนงานขาดอากาศหายใจ ตาย 10 ศพ ขณะที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ แจง เป็นอุบัติเหตุ ยัน เช้านี้ เปิดทำการตามปกติ
ธนาคารไทยพาณิชย์ชี้แจง ตามที่เกิดเหตุที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ บริเวณชั้นใต้ดิน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 เวลาประมาณ 21.30 น. นั้น ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอชี้แจงว่า ไม่ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ และไม่ได้เกิดเหตุระเบิดแต่อย่างใด ขณะนี้ได้ควบคุมสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าพนักงานตำรวจ คาดว่าอาจจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้รับเหมา ที่เข้ามาปรับปรุงระบบการป้องกันอัคคีภัยของอาคารเพิ่มเติม โดยการทำงานได้ไปกระตุ้นให้สารดับเพลิง (แก๊สไพโรเจน) ทำงาน
ซึ่งหลักการของแก๊สไฮโดรเจน จะทำให้ออกซิเจนหมดไป จึงทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากรายงานเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 7 ราย ธนาคารขอแสดงความเสียใจมายังผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
สำหรับสาเหตุในรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเบื้องต้นธนาคารจะให้ความดูแลช่วยเหลืออย่างเหมาะสม และความคืบหน้าจะขอชี้แจงในลำดับต่อไป ทั้งนี้ อาคารและทรัพย์สินไม่ได้รับความเสียหาย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จึงเปิดให้บริการตามปกติ
ทางด้าน นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)เดินทางมาตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า ที่เกิดเหตุเป็นห้องเอกสาร ชั้นใต้ดินบี 2 คนงานกำลังเข้ามาทำงานตรวจสอบระบบดับเพลิง ระหว่างนั้น เกิดความผิดพลาดมีกลุ่มควันที่เป็นฝุ่น ลอยขึ้นไปโดนเครื่องดับเพลิงอัตโนมัติ
แต่เนื่องจากเป็นห้องที่เก็บเอกสาร เครื่องดังกล่าวจึงไม่ใช้น้ำ แต่เป็นเครื่องที่ปล่อยแก๊สเพื่อดูดออกซิเจนดับไฟแทน ทำให้คนงานหมดสติ และเสียชีวิตทันที พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่เหตุเพลิงไหม้ หรือเหตุระเบิดแต่อย่างแน่นอน และในช่วงเช้าวันนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จะเปิดให้บริการตามปกติ
พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เท่าที่ได้รับรายงานเบื้องต้น เหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเกิดจากความประมาทของ ทั้งนี้หากผลการตรวจสอบพบว่า ความประมาทของบุคคลใด จะแจ้งข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายทันที

เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่
https://www.google.co.th/trends/

ลุงเอี่ยม


              จากกรณีเมื่อปี  2556 ลุงเอี่ยม คัมภิรานนท์  ชาว ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี  ขอทานเงินล้านที่เป็นผู้พิการป่วยเป็นโปลิโอ แขนขาลีบ ลิ้นไก่สั้น พูดไม่ชัด นั่งขอทานอยู่ในวัดไร่ขิงราชวรมหาวิหาร อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยนำใบอนุโมทนาบัตรตั้งพื้นเชิญชวนให้สาธุชน ร่วมกันทำบุญเพื่อสะสมเงินไว้สำหรับซื้อดอกบัวถวายหลวงพ่อวัดไร่ขิงในโบสถ์ ซึ่งต่อปีลุงเอี่ยมรวบรวมเงินถวายกว่า 1-2 ล้านบาท  ซึ่งในความใจบุญสุนทานนี้เอง ทำให้เป็นข่าวโด่งดังแพร่สะพัดไปทั่วประเทศสื่อทุกฉบับและทีวีต่างรุมทำข่าวสัมภาษณ์ให้ความสนใจและยกย่องจนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในพริบตา  แต่ปัจจุบันเหลือเพียงชื่อเสียงไว้เท่านั้น หลังจากที่ครม.มีมติพ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน ซึ่งห้ามไม่ให้มีขอทานนั่งเด็ดขาด ลุงเอี่ยมซึ่งเป็นหนึ่งในอาชีพขอทาน จึงต้องย้ายออกจากวัดไร่ขิงไปทันที

เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่
https://www.google.co.th/trends/

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

รวยง่าย ฮิตติดเทรนด์

เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่
https://www.google.co.th/trends/

รวยง่ายๆด้วยถุงมือ

วันนี้จะมาเปิดเผยความรวยแบบง่ายๆให้สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะทำธุระกิจแล้วได้กำไรงามๆแบบลงทุนไม่มาก หรือแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลยก็ว่าได้ ซึ่งเรียกกันว่า จับเสือมือเปล่า คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักคำนี้นะ การทำธุรกิจแบบนี้คือการไม่ต้องซื้อสินค้ามา Stock ทำให้เกิดต้นทุน แต่ที่สำคัญต้องมีตลาดรองรับก่อน ถ้าผ่านจุดนี้ได้ขอบอกว่าความร่ำรวยกำลังเข้ามาถึงคุณแล้วแบบไม่ต้องเหนื่อยเลยละครับ แค่จัดการให้มันถูกที่ถูกทางเท่านั้นพอ ตั้งแต่ผู้จำหน่ายจนถึงลูกค้าของเราที่เหลือเราก็รับส่วนต่างกำไรแบบเต็มๆรวยแบบสบายๆครับ พูดแค่นี้อาจจะมองไม่เห็นภาพ จะขอยกตัวอย่างสินค้าของเราสักตัว ถุงมือทอสี,ริ้วเล็ก/ริ้วใหญ่ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีผู้ผลิตหรือมีน้อยมากในประเทศไทยและเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆนะตอนนี้ด้วยครับ ขอบอกว่าถ้าใครเอาไปทำตลาดได้ก่อนรับรองว่ารวยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยละครับ ราคาหน้าเว็บไซต์ http://www.glovesiam.in.th เราขายอยู่ที่ 135 บาท/โหล เป็นราคาขายปลีกที่กล้าพูดว่ายังสามารถเอาไปทำกำไรต่อได้แบบเหลือๆรวยแบบไม่รู้เรื่องเลยแหละครับ เหมาะสำหรับห้างร้านที่มีหน้าร้านและไม่ต้อง stock สินค้าครั้งละมากๆ ซึ่งทางร้านของเราสินค้าทุกชิ้นมีจำหน่ายในราคาส่งด้วยและขอบอกว่าเป็นราคาที่เอาไปขายต่อในราคาส่งกำไรเรียกว่าเหลือๆแบบเต็มๆยิ่งถ้าเอาไปขายปลีกยิ่งทำกำไรมหาสารเลยครับพูดไปเดี๋ยวจะหาว่าโม้ เริ่มกันเลยดีกว่า
  • ราคาขายปลีกหน้าร้านทั่วไป : 15 บาท/คู่ คิดต่อโหล : 180 บาท/โหล
  • (บางร้านบางที่อาจเอากำไรน้อยขายถูกกว่านี้แต่ก็ไม่น้อยไปกว่านี้มาก)
  • ราคาขายส่งหน้าร้านทั่วไป : 12 บาท/คู่ คิดต่อโหล : 145 บาท/โหล
  • ราคาปลีกหน้าเว็บไซต์ของเรา : 9 บาท/คู่ คิดต่อโหล : 110 บาท/โหล (ส่วนต่าง 70 บาทไม่รวมค่าขนส่ง)
  • ราคาขายส่งทางร้านถุงมือสยามของเรา : 7 บาท/คู่ คิดต่อโหล : 84 บาท/โหล(ส่วนต่าง 61 บาทไม่รวมค่าขนส่ง) หมายเหตุ:ราคาส่งอาจมีการปรับเปลี่ยนได้โดยไม่ระบุตายตัวตามนี้ ขึ้นอยู่กับราคาต้นทุนการผลิตครับ ทางลูกค้าต้องโทรมาคุยสอบถามราคาก่อนที่จะมีการซื้อขายกัน)
 พอมาถึงตรงนี้เริ่มมองเห็นส่วนต่างกำไรบ้างแล้วนะครับ ยังไม่จบครับเอาให้กระจ่างเลย
 คิดกำไรแบบนำไปขายราคาปลีก
 1.ต้นทุนจากตัวสินค้าหน้าเว็บ  :  110 บาท/โหล
 2.ต้นทุนจากการขนส่งพัสดุธรรมดา กก.ละ 20 บาท กิโลต่อไปเพิ่มครั้งละ 15 บาท ซึ่งถุงมือ 10 โหลน้ำหนักอยู่ที่ 4-5 กิโลกรัม ค่าขนส่งอยู่ราวๆ 65 บาท ถ้าเป็น EMS อยู่ที่ 162 บาท ส่วนของเอกชนก็สูงกว่า EMS นิดหน่อยแล้วแต่บางเจ้าด้วยครับอาจถูกกว่า ส่วนบริการทางร้านเราขึ้นอยู่กับลูกค้าครับมีให้หมด
วิธีคิด
  • ถุงมือ 10 โหล   : 110x10             = 1,100 บาท                                               
  • ค่าขนส่งที่ 10 โหล : 65 บาท          = 1,100 + 65
  • รวมราคาต้นทุนทั้งหมด                  = 1,165 บาท
  • คิดกำไรขายปลีกที่ได้  : 180 x 10  =  1,800 - 1,165 บาท
  • เงินที่เข้ากระเป๋ากำไรจริงๆ              = 635 บาท
  • คิดกำไรต่อโหล : 635 / 10            = 64 บาท/โหล
  • คิดเล่นๆถ้าขายได้เดือนละ 500 โหล  = 500 x 64
  • กำไรเต็มๆหักต้นทุนแล้ว                 = 32,000 บาท/เดือน
  • ถ้าหาลูกค้าได้มากขายดีเป็น 1,000 โหล  = 64,000 บาท/เดือน
  • และถ้าเป็น 2,000 โหลละ                     =  128,000 บาท/เดือน
ตาเริ่มพองโตกันแล้วใช่ไหมละ ก็บอกแล้วว่าไม่ได้โม้จริงๆ มีคนที่ทำธุรกิจแบบนี้รวยนำหน้ากันไปเยอะแล้ว เพราะไม่ต้องลงทุนอะไร ถ้าทำได้ขอบอกคำเดียวว่ารวยๆๆๆๆๆๆมีแต่รวย
คิดกำไรแบบนำไปขายราคาส่ง  ขอเป็นแบบเร็วก็แล้วกันนะครับ
วิธีคิด 
  • ถุงมือ 10 โหล   : 110 x10             = 840 บาท
  • ค่าขนส่งที่ 10 โหล : 65 บาท          = 840 + 65
  • รวมราคาต้นทุนทั้งหมด                  = 905 บาท
  • คิดกำไรขายปลีกที่ได้  : 145 x 10  =  1,450 - 905 บาท
  • เงินที่เข้ากระเป๋ากำไรจริงๆ              = 545 บาท
  • คิดกำไรต่อโหล : 545 / 10            = 55 บาท/โหล
  • คิดเล่นๆถ้าขายได้เดือนละ 500 โหล  = 500 x 55
  • กำไรเต็มๆหักต้นทุนแล้ว                 = 27,500 บาท/เดือน
  • ถ้าหาลูกค้าได้มากขายดีเป็น 1,000 โหล  = 55,000 บาท/เดือน
  • และถ้าเป็น 2,000 โหลละ                     =  110,000 บาท/เดือน
นี่แหละเป็นวีธีค้าขายอย่างหนึ่ง ที่เค้าเรียกกันว่าจับเสือมือป่าวหรือซื้อมาขายไปส่วนต่างนั่นแหละก็คือส่วนที่เราจะได้เป็นกำไรครับ ก็บอกแล้วไงว่าจะรวยกันแบบง่ายๆ ฝากทิ้งท้ายให้เป็นแง่คิดครับว่า หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาอย่างง่ายดายจะต้องลงมือทำก่อน เรียนรู้ปัญหาเรียนรู้อุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วแก้ไขปัญหานั้นๆด้วยตัวเอง ถ้าใครจบหลักสูตรเร็วก็ถึงเป้าหมายได้ก่อนตามที่ตัวเองต้องการ ถ้าทั้งหมดที่เขียนมาใครๆก็ทำกันได้ ป่านนี้คงมีคนรวยกันทั้งประเทศแล้วครับ 
เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่

https://www.google.co.th/trends/

แฉคนลอยได้ เรื่องฮิตติดเทรนด์


โปรแกรมเล่นเน็ตฟรี ฮิตติดเทรนด์


วิธีกำจัดยุง ฮิตติด trend

เครื่องดักยุง ไอเดียดีๆจากคนขอนแก่นค่ะ แกไม่ได้ทำขาย แต่ใครอยากทำก็โทรไปปรึกษาแกได้เลยค่ะ 083 357 0606  

ดาวขำมิน รวมฮิตติดเทรนด์


วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความจริงที่ต้องอึ้ง!! คนที่ถูกยุงกัดเป็นประจำ

เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่

https://www.google.co.th/trends/
ทุกคนคงทราบและรู้จักยุ่งอยู่แล้ว บางคนยังต้องเผชิญหน้ากับพวกมันบ่อยๆ ! และบางครั้งแม้จะป้องกันตัวเองด้วยยากันยุงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังโดนมันกัดอยู่ดี คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหม อยู่ในห้อง 2 คน แต่ทำไมอีกคนไม่โดนยุงกัดเลย ? วันนี้เรามีคำตอบจากนักวิทยาศาสตร์มาบอกคุณว่าเป็นเพราะอะไร ?James G. Logan นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยกลิ่นร่างกายมนุษย์ที่ดึงดูดยุง การทดลองโดยกลุ่มพี่น้องฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน และกลุ่มฝาแฝดที่เกิดจากไข่สองใบ
1
ให้กลุ่มทดลองยื่นแขนเข้าไปในกล่องที่มียุงจำนวน 20 ตัว ยุงสามารถดมกลิ่นตัวของพวกเขาได้ แต่ไม่สามารถกัดกลุ่มคนที่ทำการทดลองได้ จากผลทดลองพบว่ากลุ่มฝาแฝดจากไข่ใบเดียวกัน ( แฝดที่มีความคล้ายคลึงกันทางพันธุกรรม ) มีตัวเลขต่างกับกลุ่มฝาแฝดจากไข่2ใบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ากลิ่นที่ดึงดูดยุงมีมาแต่กำเนิดนั้นมากกว่า
  และยังมีผลวิจัยเมื่อหลายปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า กลิ่นรักแร้ของมนุษย์ถูกกำหนดมาจากยีนส์ จึงแสดงให้เห็นว่ายีนส์ที่แตกต่างส่งผลให้ร่างกายของมนุษย์มีกลิ่นที่แตกต่างกันไป และยังมีผลต่อการรับรู้กลิ่นตัวของตัวเองด้วย นอกจากนี้ยุ่งแต่ละชนิดก็มีกลิ่นที่ชอบในส่วนของร่ายกายมนุษย์ที่แตกต่างกัน เช่นยุงลายจะชอบกลิ่นบริเวณแขน ขา ของมนุษย์มากกว่ากลิ่นรักแร้
3
              แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ากลิ่นร่างกายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ส่งกลิ่นมาจากต่อมผิวหนัง เนื่องจากร่างกายของทุกคนล้วนแต่มีแบคทีเรียทั้งนั้น เช่น ช่องปาก ช่องท้องและผิวหนัง ต่างก็มีแบคทีเรียนที่ต่างกันออกไป
แต่แบคทีเรียเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราทราบถึงสุขภาพร่างกาย และยังเป็นตัวกำหนดกลิ่นตัว แม้ว่าจะอาบน้ำทุกวัน หรือวันละหลายรอบ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลิ่นตัวได้ และทางเลือกของยุงก็มีความชอบเฉพาะกลิ่นที่มันชอบเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น : มีกลิ่นเฉพาะอย่างหนึ่งมาจากเท้าของมนุษย์ และตัวที่ส่งกลิ่นนี้ออกมาคือแบคทีเรียที่มีชื่อว่าBrevibacterium แบคทีเรียตัวนี้มีกลิ่นคล้ายคลึงกับกลิ่นแบคทีเรียจากชีส นั้นเอง
เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่

https://www.google.co.th/trends/

คำทนายที่ชาวโลกกำลังผวา

                                                        เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่
https://www.google.co.th/trends/
 ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยภัยธรรมชาติที่น่ากลัว ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 311 นั้น ไม่น่าเชื่อว่าจนทุกวันนี้แล้วอาฟเตอร์ช็อกของมันก็ยังไม่หยุด ทำให้มีคำทำนายพูดต่อๆกันเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่มากมาย
1
หนึ่งในนั้นก็มีคำทำนายที่นักทำนายชื่อดังของอเมริกาอย่าง Gary Bonnell ได้ทำนายเอาไว้
2
เราลองมาดูกันว่ามีเหตุการณ์ไหนที่ Gary Bonnell เคยทำนายเอาไว้แล้วเกิดขึ้นจริงบ้าง
1.เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ฮันชิน-เกาะอะวาจิ
ในวันที่ 17 มกราคม 1995 ก็ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ฮันชิงตามที่ Gary Bonnell ได้ทำการคาดการณ์เอาไว้
ก่อนที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้จะเกิดขึ้นครึ่งปี เมื่อเดือนมิถุนายน 1994 ตอนที่นาย Gary Bonnell ได้เดินทางไปญี่ปุ่นก็ได้ทำนายไว้ว่าในกลางเดือนมกราคมปี 1995 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่น
2. เหตุการณ์ 911
ในปี 1986 เขาเคยทำนายไว้ว่าจะเกิดการก่อการร้ายทางอากาศขึ้นกลางเมืองนิวยอร์ก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ 911 ขึ้นจริงๆนาย Gary Bonnell กลับถูกต่อว่าและต่อต้านอย่างรุนแรง
3. เหตุการณ์แผ่นดินไหว 311 ในญี่ปุ่น
3
ก่อนเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น 1 อาทิตย์ นาย Gary Bonnell ได้ไปเยี่ยมประเทศญี่ปุ่น เขาทำนายว่าอีกไม่นานจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นและเขาก็เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นโดยด่วนในวันที่ 10 มีนาคม ก่อนเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เพียง 1 วัน
นอกจากนี้ Gary Bonnell ผู้เป็นตำนานยังคงกล่าวคำทำนายเกี่ยวกับญี่ปุ่นไว้อีกมากมาย ทำให้ชาวญี่ปุ่นวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
คำทำนายที่ 1 : แผ่นดินไหวที่ใจกลางโตเกียว
ปี 2015 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใต้กรุงโตเกียวความรุนแรง 8 ริกเตอร์ ที่จะส่งผลให้เกิดความเสียดายทั่วทั้งเมืองและจะมีแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่องไปอีกทั้งปี
คำทำนายที่ 2 : แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ฮอกไกโด
ในกลางปี 2016 จะเกิดเเผ่นดินไหวอีกหนึ่งชุดที่ใต้ทะเลของเกาะฮอนชูทางฝั่งเหนือไปจนถึงเกาะฮอกไกโด ผลจากภัยพิบัตินี้จะทำให้เกิดก๊าซมีเทนเป็นจำนวนมากจนทำให้มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้และซัปโปโรจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
คำทำนายที่ 3 : ภูเขาไฟฟูจิจะเปลี่ยนรูปร่าง
แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องทำให้ภูเขาไฟมีความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไป ในปี 2018 ภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่นจะมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
4
มีชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่ไม่เชื่อคำทำนายของ Gary Bonnell แต่คนส่วนมากก็เห็นด้วยว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

โหรชื่อดังเมืองหนองคาย ขับรถตู้แหกโค้งชนต้นไม้

เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่
https://www.google.co.th/trends/
โหรชื่อดังเมืองหนองคาย ขับรถตู้แหกโค้งชนต้นไม้ บาดเจ็บ 5 ราย เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ

ร.ต.อ.ธีระพงษ์ ท่าโทม ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งเหตุรถตู้เสียหลักชนต้นไม้ที่ถนนมิตรภาพ (ท่าบ่อ-หนองสองห้อง) บริเวณทางโค้งบ้านโคกคำ ต.พระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ภัยประจักษ์จุดหนองสองห้อง
ที่เกิดเหตุ พบรถตู้ ด้านหน้าชนอัดก๊อปปี้อยู่กับต้นไม้ริมทาง สภาพรถด้านหน้าเสียหาย โดยมีรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อ 1. นายจำเนียร อินทา อายุ 39 ปี คนขับรถตู้ 2. นางดิรชา อินทา อายุ 39 ปี 3. น.ส.ธนัชชา อินทา อายุ 39 ปี 4. นายสมควร คำจันทร์ อายุ 60 ปี 5. พระจรูญศักดิ์ วงศ์ลา อายุ 40 ปี
ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ลำเลียงส่งโรงพยาบาลหนองคาย สอบสวนทราบว่า รถตู้คันดังกล่าว ขับโดย นายจำเนียร หรือ โหรจำเนียร โหรชื่อดังของจังหวัดหนองคาย เดินทางจาก ต.หนองสองห้อง อ.เมืองหนองคาย มุ่งหน้าไปยัง อ.ท่าบ่อ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถและเป็นช่วงทางโค้ง ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รถได้เสียหลักหลุดโค้งไปชนกับต้นไม้ริมทาง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

แก้ร่อง ‘ยาแนว’ ดำ ง่ายๆ

ค้นพบวิธีการทำความสะอาดพื้นยาแนวที่ยอดเยี่ยมโดยได้แนวความคิดมาจาก topicstock.pantip.com ด้วยการใช้ น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ดสีม่วง + น้ำส้มสายชู ดังวิธีต่อไปนี้

อุปกรณ์
1. น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ดสีม่วง
2. น้ำส้มสายชู
3. แปรงสีฟันเก่า
4. ถุงมือกันสารเคมี
5. ผ้าปิดจมูก
6. ผ้าเช็ดทำความสะอาด

วิธีทำ
1. สวมถุงมือและใส่ผ้าปิดจมูกป้องกันตัวเองเสียก่อน เพราะน้ำยาค่อนข้างแรงมาก
2. ผสม ‘น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ดสีม่วง’ กับ ‘น้ำส้มสายชู’ อย่างละครึ่ง ผสมให้เข้ากัน
922.1
3. ใช้แปรงสีฟันเก่าจุ่มลงไปในน้ำยา ขัดไปตามร่องยาแนวเบาๆ
922.2
  922.3

4. ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออกทันที เพราะถ้าปล่อยให้แห้ง คราบสกปรกจะติดกลับไปอีก
5. ปิดท้ายด้วยการถูพื้นบ้านซ้ำอีกครั้ง เพื่อกำจัดน้ำยาที่ตกค้าง

หลังจากทำความสะอาดเสร็จ จะเห็นได้ว่าร่องยาแนวจะขาววิ๊งเหมือนใหม่เลย คราบดำหลุดออกมาเป็นแผ่นแบบไม่ต้องออกแรงขัดให้กล้ามขึ้น ใครสนใจลองนำวิธีนี้ไปใช้กันดูนะคะ ทั้งสะอาดและประหยัดแรงจริงๆ
922.4