เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีเฟซบุ๊กแฟนเพจแห่งหนึ่ง ได้ทำการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ขณะนำโทรศัพท์ไอโฟนที่มีแบตอยู่ 7 เปอร์เซนต์ ไปเข้าตู้อบไมโครเวฟ โดยทำการกดอุ่น 1 วินาที และนำออกมา ผลปรากฎว่าโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวมีปริมาณแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเป็น 77 เปอร์เซนต์ ทำเอาคนในโซเชียล ฮือฮากันยกใหญ่ ล่าสุดมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า 16 ล้านครั้ง พร้อมเกิดคำถามว่านี่คือเรื่องจริง?
ล่าสุดเมื่อวานนี้ช่วงเช้า มีสาวไทยรายหนึ่งได้ทดลองทำตามคลิปดังกล่าว โดยเธอนำไอโฟน 5 เอส ไปวางอยู่ในเตาอบไมโครเวฟนาน 3 วินาที ผลปรากฎว่าเครื่องดับ ก่อนจะเปิดติดอีกครั้งหลังจากนำไปชาร์จ แต่ปรากฎว่าโทรศัพท์ของเธอทำได้เพียงรับสายเท่านั้น ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งเรื่องดังกล่าว ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นใจว่าคนเราย่อมมีความผิดพลาด ดั่งสำนวน "ผิดเป็นครู" ขณะที่บางส่วนอดขำไม่ได้
สำหรับข่าวลือเรื่องการชาร์จแบตด้วยไมโครเวฟ เริ่มมีมาตั้งแต่ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2557 ซึ่งช่วงนั้นแอปเปิลมีการอัพเดทระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือไอโฟน เป็น ไอโอเอส 8 และมีภาพหลุดว่อนเน็ตมา 1 ภาพ ซึ่งคาดว่าจะถูกมือดีตัดต่อ อ้างว่าคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการใหม่จะทำให้ไอโฟนชาร์จแบตเตอรี่ด้วยการนำเข้าไมโครเวฟได้ ทำให้ สื่อต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ต้องออกโรงเตือนกันว่าภาพดังกล่าวไม่เป็นความจริง หลังผู้ใช้งานบางรายหลงเชื่อทดสอบถึงขั้นโทรศัพท์มือถือระเบิดไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
เรื่องนี้ รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยกับสายตรวจโซเชียล ว่า ปกติแล้วคลื่นไมโครเวฟ จะทำให้โมเลกุลของสารเกิดการสั่นสะเทือนและเกิดความร้อน ไม่สามารถใช้ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งแบตเตอรี่ของโทรศัพท์จะต้องได้รับพลังงานประจุไฟฟ้าอิเล็กตรอน อีกทั้งในตัวโทรศัพท์มือถือยังมีสารประกอบอื่นๆ อีก เช่นโลหะ พลาสติก ซึ่งไม่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ หากเลวร้ายอาจถึงขั้นระเบิด ดังนั้นอย่าหลงเชื่อทดลองทำตามคลิปวิดีโอดังกล่าว
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปหลอก ใช้เทคนิคการตัดต่อ ซึ่งโทรศัพท์มือถือต้องชาร์จด้วยไฟฟ้า ไม่ใช่คลื่นไมโครเวฟ ยกเว้นโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ที่สามารถชาร์จไร้สายได้ แต่ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับเท่านั้น สำหรับคลิปที่กำลังแชร์กัน อย่าหลงเชื่อหรือทำตามเด็ดขาด
เทรนด์ฮิตคลิ๊กที่นี่https://www.google.co.th/trends/hotvideos#hvsm=0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น